การเตรียมตัวตรวจสอบ และซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม

วันนี้ก็มาแนะนำการซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วมกันครับ คงจะไม่ช้าเกินไปนะครับ สำหรับพื้นที่ๆน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ตัวบ้านก็ได้รับผลกระทบทำให้เกิดความเสียหายหลายอย่าง เช่น ผนังเกิดรอยคราบสกปรก,วงกกบ-ประตู-หน้าต่าง ที่ทำจากไม้จริง บิดงอ พุพอง ส่วนที่เป็นไม้สังเคราะก็เกิดรอยคราบด่าง,พื้นไม้โก่งตัว ฯล

ก่อนจะซ่อมบ้าน ก็ใจเย็นๆก่อนนะครับอย่าเพิ่งรีบร้อนซ่อมให้ทำความสะอาดบ้านก่อน คัดแยกข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายใช้งานไม่ได้ออกไป แล้วสำรวจความเสียหายของตัวบ้านก่อนครับ ว่ามีอะไรที่เสียหายและต้องซ่อมแซมบ้าง

มีงานซ่อมแซมหลายๆอย่างที่ยังไม่ควรรีบร้อนทำทันที เช่น การทาสีบ้านใหม่, การเปลี่ยนวงกบประตู-หน้าต่าง ที่เป็นไม้(ไม้จริง) ,บัวเชิงผนัง (ไม้จริง) ,พื้นไม้,งานวอลเปเปอร์ เป็นต้น

1. สำรวจบ้านหลังน้ำลดระวังสัตว์ร้าย

หลังน้ำลดสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างหนึ่งคือ สัตว์ร้ายที่อาจเข้าไปหลบอาศัยอยู่ภายในบ้าน การเข้าไปสำรวจจึงควรเป็นช่วงกลางวัน โดยตรวจสอบบริเวณรอบๆบ้านด้วยการใช้ไม้ยาวแหวกทางนำหน้า ตามมุมอับและบริเวณที่มีสิ่งของทับถมกัน หากพบสัตว์ร้ายควรเรียกเพื่อนบ้านหรือเจ้าหน้าที่มาช่วยจัดการ


เมื่อเข้าไปภายในบ้านให้กวาดสายตามองไปทั่วห้องก่อนใช้เวลาตรงนี้มากหน่อย พยายามสังเกตสิ่งผิดปกติก่อนเดินเข้าไปสำรวจในระยะใกล้ สัตว์ร้ายบางชนิดเช่น งู จะทิ้งร่องรอยการเลื้อยผ่านเอาไว้ สังเกตและค่อยๆตรวจดูจนครบทุกห้อง นอกจากนี้การใส่เสื้อผ้าที่มิดชิดก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าไปสำรวจบ้านในกรณีที่ต้องการการป้องกันที่มากขึ้นการชโลมน้ำส้มควันไม้บนเสื้อผ้าหรือขาและเท้าก็จะช่วยไล่แมลงมีพิษได้ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์การเกษตร


2. ราง ท่อ และบ่อพัก เต็มไปด้วยขยะ

รางระบายน้ำและบ่อพักน้ำรอบบ้านเป็นทางหนึ่งที่น้ำไหลเข้ามาในบ้านคุณในช่วงน้ำท่วม แต่เวลาน้ำลดโคลนและขยะต่างๆที่มากับน้ำมักไม่ไหลตามไปด้วย สิ่งที่ควรทำคือใช้พลั่วตักเศษขยะขึ้นมาใส่ถุงขยะแล้วนำไปทิ้ง อย่าเก็บไปทำปุ๋ยเพราะคุณไม่รู้ว่าข้างในโคลนดำๆนั้นมีอะไรบ้างก่อนเปิดฝาท่อหรือฝารางน้ำควรระวังสัตว์ร้ายที่อาจหลบภัยอยู่ข้างใน สิ่งที่ไม่แนะนำให้ทำเป็นอย่างยิ่งคือ การนำเศษขยะไปทิ้งในแหล่งน้ำสาธารณะหรือใช้น้ำฉีดเพื่อไล่ขยะต่างๆลงท่อระบายน้ำหน้าบ้านเพราะเป็นการทิ้งขยะผิดที่ สำหรับบ่อพักน้ำที่ยังมีน้ำขังอยู่ แนะนำให้ใส่น้ำหมักชีวภาพ(EM) ลงไปเพื่อลดกลิ่นเหม็น


3. คราบบนผนังสกปรกมาก ขัดออกอย่างไรดี

หลังน้ำท่วมใหญ่บริเวณผนังและรั้วบ้านมักจะมีคราบดินโคลน คราบน้ำมัน คราบเชื้อรา คราบตระไคร่น้ำ และคราบเกลือติดอยู่ วิธีจัดการคราบเหล่านี้สิ่งแรกแนะนำให้พยายามใช้ผ้าชุบน้ำสบู่หรือน้ำเปล่าเช็ดคราบโคลนหรือคราบเกลือออกให้มากที่สุด สำหรับบ้านที่อยู่ติดถนนใหญ่หรืออยู่ใกล้ร้านอาหารอาจจะมีคราบน้ำมันเกาะผนัง ให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชูผสมเบกกิ้งโซดาโดยผสมในอัตราส่วนเท่ากัน หรือใช้น้ำยาขจัดคราบไขมันสำหรับใช้ในครัวได้เลย จากนั้นใช้โซเดียมไฮโปคอลไรต์หรือ “น้ำยาฟอกขาว” ล้างคราบตะไคร่น้ำและคราบเชื้อราออกได้ ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำให้ผสมโซเดียมไฮโปคอลไรต์กับน้ำในความเข้มข้น 0.5-1 เปอร์เซ็นต์แล้วนำไปราดบนพื้นเพื่อฆ่าเชื้อโรค อย่าลืมสวมถุงมือยางเพื่อป้องกันมือลอกด้วย

นอกจากนี้ยังอาจวางสารดูความชื้น(มีขายที่ห้างเคหะภัณฑ์ใหญ่ๆ)และก้อนถ่านไว้ตามจุดต่างๆเพื่อลดกลิ่นอับชื้น คลอรีนในปริมาณมากที่ใช้ล้างบ้านอาจทำให้จุลินทรีย์ในท่อน้ำทิ้งรอบๆบ้านตายการเทน้ำหมักชีวภาพ(EM) ลงไปในบ่อพักน้ำรอบบ้านจะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์และลดกลิ่นเหม็นเน่าได้เป็นอย่างดี

4. ซ่อมแซมผนังบ้าน ฝ้า เพดาน หลังน้ำท่วม

วัสดุต่างๆที่ใช่ทำผนังบ้าน เมื่อถูกน้ำท่วมนานๆก็จะเกิดความเสียหายแน่นอน วิธีแก้ไขคือ

ถ้าเป็นผนังไม้ ให้รื้อฝาไม้ส่วนล่างของผนังออก เพื่อระบายความชื้นในผนังและตรวจสอบความเสียหายที่โครงคร่าวไม้ส่วนผนังด้านนอก ควรเช็ดทำความสะอาดเพื่อให้ผิวสามารถระบายความชื้นได้ง่าย เมื่อแห้งดีแล้วใช้น้ำยารักษาเนื้อไม้ชโลมที่ผิวหรือทาสีต่อไป วิธีที่ดีควรทาสีด้านในบ้านก่อนทิ้งไว้ 5 – 6 เดือนจึงทาสีด้านนอก

ถ้าเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูน ก็ใช้วิธีเดียวกับผนังไม้แต่ต้องทิ้งให้ระบายความชื้นนานกว่าผนังไม้ เพราะมีความหนามากกว่าจากนั้นค่อยทาสีใหม่

ถ้าเป็นผนังยิปซัมบอร์ด ต้องเลาะเอาแผ่นที่เปียกออก ถ้าโคร่งคร่าวด้านในเป็นโลหะ ก็สามารถติดแผ่นใหม่ได้เลยแต่ถ้าเป็นดคร่งคร่าวไม้ ต้องทิ้งให้ความชื้นในไม้ระเหยหมดก่อนจึงจะติดแผ่นใหม่ได้ และถ้ามีฉนาวนกันความร้อนในผนังก็ต้องรื้อส่วนที่เปียกชื้นทิ้งให้หมดและเปลี่ยนใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราและรักษาประสิทธิภาพในการกันความร้อน

สินค้าแนะนำ: ลวด สลิง หนึ่งในอุปกรณ์ที่ปลอดภัยสูงจาก Kacha โครงสร้างของลวด สลิง เองใช้วัสดุจากเหล็กเป็นหลัก นำมาบิดเกลียวซึ่งจะทำให้มีความแข็งแรงค่อนข้างสูง

การซ่อมแซมฝ้าเพดานจะมีลักษณะคล้ายกับการซ่อมผนังเช่นกัน คือ

ถ้าเป็นฝ้าเพดานยิปซัมบอร์ดหรือกระดาษอัด ถ้าเปื่อยยุ่ยมากเพราะอมน้ำ ก็ควรเลาะออกแล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ ทิ้งให้แห้งสนิทจริงๆแล้วค่อยทาสีทับ

ถ้าเป็นฝ้าโลหะ ให้เช็ดทำความสะอาดให้แห้ง ถ้าเป็นสนิมก็ใช้กระดาษทรายขัดออกให้เรียบร้อยแล้วจึงทาสีใหม่ทับลงไป

ระบบสายไฟส่วนใหญ่จะเดินในฝ้า เวลาเปิดฝ้าเข้าไปตรวจสอบความเรียบร้อยว่ามีส่วนใดชำรุดด้วยหรือเปล่า แต่ส่วนนี้แนะนำให้จ้างช่างไฟมาจัดการ

ถ้าโครงฝ้าเพดานที่เป็นไม้เกิดการแอ่นหรือทรุดตัวต้องแก้ไขให้ได้ระดับและมีความแข็งแรงก่อนการติดตั้งแผ่นฝ้าใหม่

5. หลังน้ำลดอย่าพึ่งรีบทาสีใหม่

การแช่น้ำนานๆอาจทำให้สีทาบ้านเสื่อมสภาพลง มีคราบสกปรก และเกิดการหลุดล่อนได้ บ้านที่แช่น้ำนานๆจนเกิดคราบที่ผนังต้องขัดลอกสีเดิมออกให้ได้มากที่สุด หลังจากน้ำลดให้ล้างคราบเกลือออกให้หมด กรณีที่แช่อยู่นานจนเกิดเชื้อราให้ใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราด้วย ถ้าแช่เป็นเดือนๆจนผนังปูนร่วนจนเป็นผง แนะนำให้สกัดปูนฉาบออกจนถึงอิฐก่อ หลังจากนั้นให้ฉาบใหม่โดยผสมน้ำยาประสานคอนกรีตด้วยเพื่อเพิ่มการยึดเกาะ

เมื่อซ่อมผนังเสร็จควรปล่อยให้แห้งสนิทอย่างน้อย 3 เดือนก่อนจะเริ่มทาสีใหม่ สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือ ทา“น้ำยารองพื้น” ชนิดพิเศษที่ช่วยป้องกันความชื้น จากนั้นก็ทา “สีรองพื้น” ที่ป้องกันคราบเกลือและความเป็นด่างจากผิวปูนใหม่และปูนเก่าที่แช่น้ำมานาน จากนั้นก็ทาสีให้เข้ากับผนังส่วนอื่นๆของบ้านได้

6. ซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์หลังน้ำท่วม

พยายามนำความชื้นออกจากเฟอร์นิเจอร์ให้มากที่สุด

เฟอร์นิเจอร์หุ้มผ้า ที่มีส่วนประกอบของโครงไม้และผ้าหุ้มฟองน้ำต่างๆ หากโครงไม้ยังใช้ได้ ถอดเฉพาะโครงไปตากแดดแล้วเก็บไปหุ้มนวมใหม่ ส่วนฟองน้ำและผ้าหุ้ม ถ้าเป็นไปได้ควรเปลี่ยนใหม่เลย เพราะน้ำจะพาเอาเชื้อโรคมาติดอยู่ แม้จะตากแดดให้แห้ง เชื้อโรคก็ยังมีอยู่

เฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน ต้องตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง หากเป็นโครงสร้างไม้จริงต้องดูแลเป็นส่วนๆไป เช่นโครงไม้ด้านในหากไม่ผุกร่อน ให้ทิ้งไว้จนแห้งสนิทแล้วทำสีใหม่ ส่วนหน้าบานตู้ หากเป็นไม้อัดอาจต้องทำใจเพราะจะเกิดการบวมน้ำการนำกลับมาใช้ใหม่คงเป็นเรื่องยาก แนะนำให้เปลี่ยนบานใหม่ ทำความสะอาดรูกุญแจและลูกบิดรวมถึงอย่าลืมตรวจสอบระบบไฟต่างๆที่อยู่ภายในตู้บิลท์อินด้วย

เฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม่ควรนำไปตากแดด เพราะจะทำให้บิดงอได้ และถ้าจะทาสีใหม่ควรรอให้แห้งสนิทก่อน มิฉะนั้นจะลอกได้

เฟอร์นิเจอร์ที่มีส่วนประกอบของเหล็ก อย่างขาตู้ที่ต้องแช่น้ำแบบเต็มๆจนเกิดสนิม ให้นำชิ้นส่วนนั้นออกไปตากแดดจัด จากนั้นเมื่อแห้งดีให้ใช้น้ำยาขัดสนิมขัดคราบออก แล้วเคลือบผิวด้วยน้ำยากันสนิมและพ่นสีใหม่ ก็จะกลับสู่สภาพเดิม

เฟอร์นิเจอร์หนังแท้ ควรต้องยกให้พ้นน้ำเพราะการทำความสะอาดคราบสกปรกที่เกิดจากน้ำเน่ายากเอาการอยู่ จะใช้น้ำยาแรงๆหรือขัดมากๆก็ไม่ได้ นี่ยังไม่รวมกับสีที่อาจด่างจากการแช่น้ำด้วย กรณีที่ไม่ได้แช่น้ำ แต่มีเชื้อราขึ้นเป็นจุดๆจากความชื้นในบ้านควรซื้อน้ำยาทำความสะอาดเครื่องหนังแท้ หรือถ้าไม่อยากเสียเงินให้ใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูหรือแอมโมเนียเช็ดเบาๆหลายๆครั้งจนคราบหมดไป จากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำเปล่าจนหมดกลิ่น ผึ่งลมให้แห้งสนิท แล้วจึงลงน้ำยารักษาเครื่องหนังให้ทั่ว

7.ซ่อมประตูบ้านหลังน้ำท่วม

ประตูที่จะเกิดปัญหามากคือประตูไม้ ไม่ว่าจะเป็นไม้จริงหรือไม้อัด ส่วนประตูที่ทำจากวัสดุอื่นๆ เช่น พีวีซี มักไม่ค่อยเป็นอะไร ยกเว้นส่วนที่เป็นโลหะ เช่น บานพับและลูกบิดอาจเกิดสนิม ประตูไม้ที่แช่น้ำนานๆจะมีการบวมโก่งซึ่งทำให้เปิด – ปิดลำบาก ควรถอดออกมาผึ่งลมให้แห้งอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ แล้วนำไปขัดสีเก่าออก อุดโป๊รอยแยก รอยแตกให้ดีก่อนทำสีใหม่ หรือถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ปิดผิวด้วยไม้วีเนียร์ใหม่เลย

บานพับและลูกบิดก็ต้องเป่าลมให้แห้ง ใช้กระดาษทรายขัดสนิมออก หยอดน้ำมันหล่อลื่น ถ้ายังใช้การได้ดีอยู่ก็ใช้ของเดิมได้ ส่วนวงกบไม้อาจมีการบวมโก่ง ถ้าแห้งแล้วยังปิดประตูไม่เข้า ต้องนำบานประตูมาไสออกบ้าง

8. น้ำท่วมนอกบ้านวอลล์เปเปอร์ในบ้านจะเป็นอะไรไหม

น้ำท่วมภายนอกแม้ไม่ได้เข้ามาในตัวบ้านก็ทำให้ผนังชื้น บ้านที่ติดวอลล์เปเปอร์อาจมองไม่เห็นว่ามีคราบน้ำและความชื้นอยู่ที่ผนัง เมื่อน้ำลดให้ใช้พัดลมเป่าทั่วผนัง เป่าทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 1 – 2 วัน แต่ต้องเป็นกรณีที่น้ำท่วมแค่ภายนอกน้ำไม่โดนวอลล์เปเปอร์โดยตรง และเป็นน้ำขังไม่เกิน 2 – 3 วันเท่านั้น เพราะถ้าเกินกว่านั้นผนังจะรับความชื้นไว้สูงและเกิดเชื้อราภายใน ส่งผลให้วอลล์เปเปอร์เสื่อมสภาพเร็วและต้องลอกออกอยู่ดี

สำหรับกรณีที่น้ำท่วมขังอยู่ภายในบ้านและโดนวอลล์เปเปอร์โดยตรงเป็นเวลานาน ก็จำเป็นต้องลอกออกสถานเดียวแล้วปล่อยให้ผนังแห้งเอง โดยจะใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนซอกมุมต่างๆที่ดูท่าว่าจะมีความชื้นสะสมอยู่มากสามารถใช้พัดลมหรือดรายร์เป่าผมช่วยเป่าก็ได้ ที่สำคัญหากผนังปูนมีลักษณะหลุดล่อนก็ควรกะเทาะออกแล้วฉาบปูนใหม่ให้เรียบร้อยก่อนจะติดวอลล์เปเปอร์

เมื่อเลือกซื้อวอลล์เปเปอร์ใหม่ควรเลือกแบบที่เป็นไวนิล หรือเปลี่ยนไปใช้วอลล์คัฟเวอริ่ง (Wall Covering) จะมีความทนทานมากว่าวอลล์เปเปอร์ที่เป็นกระดาษ

9. เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จมน้ำ ซ่อมใช้ต่อได้ไหม

หลังน้ำลดถ้าอยากรู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้ายังใช้งานได้ไหม ควรทำให้แห้งสนิทก่อนจะเสียบปลั๊ก หากไม่แน่ใจควรให้ช่างที่ชำนาญมาตรวจสอบหรือซ่อมแซม โทร.ปรึกษาฝ่ายบริการหลังการขายของบริษัทที่ซื้อผลิตภัณฑ์นั้นจะดีที่สุด เขาจะรู้ว่าต้องเปลี่ยนอะไรดีกว่าช่างทั่วไป แต่ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าดูเสียหายมากก็ไม่ควรเสี่ยงนำมาใช้งาน หาซื้อใหม่ดีกว่า

หลายคนสงสัยว่าปกติคอมเพรสเซอร์แอร์หรือเครื่องปั๊มน้ำก็อยู่ด้านนอกและโดนฝนมาตลอดไม่เห็นจะเสียหายเลย ก็ต้องบอกว่าตัวถังของเครื่องป้องกันน้ำฉีดและน้ำกระเด็นใส่ได้ แต่ถ้าจมน้ำเกินหนึ่งชั่วโมงโอกาสรอดก็ริบหรี่ ดังนั้นเราจึงควรติดตั้งอุปกรณืเหล่านี้ให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 50 เซนติเมตร

10. ตรวจสอบถังน้ำบนดินและถังน้ำใต้ดิน

บ้านใครมีถังน้ำบนดินให้ตรวจสอบว่า ภายในมีการรั่วของน้ำที่ท่วมเข้ามาหรือไม่ ส่วนใต้ดินต้องตรวจสอบ “ฝา” ของถังน้ำให้ถี่ถ้วน เพราะเวลาน้ำท่วม ถังน้ำจะอยู่ใต้น้ำหากฝาของถังน้ำมีระบบป้องกันน้ำเข้าไม่ดีหรือชำรุด น้ำสกปรกก็จะปะปนกับน้ำสะอาดในถังได้

สำหรับการแก้ไขปัญหา หากเป็นถังน้ำบนดิน ถังสเตนเลสจะมีปัญหาเรื่องสนิม วิธีการอุดรอยรั่วอาจพอทำได้ในระยะสั้นและเสี่ยงที่จะรั่วซึมได้อีก แนะนำให้เปลี่ยนเป็นถังแบบไฟเบอร์กลาส เพราะทนทานและไม่เป็นสนิม

หากไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องน้ำเล็ดรอดเข้ามาในถังได้ ก็ขอให้ต่อท่อน้ำตรงจากท่อประปาหน้าบ้านเข้ามาที่ตัวบ้านของเราเลย (โดยปกติแล้ว บ้านที่มีถังน้ำใต้ดินจะมีวาล์วหมุนเปิดทางให้น้ำประปาจากหน้าบ้านวิ่งเข้ามาในบ้านโดยตรง ต้องหาวาล์วตัวนี้ให้เจอ น้ำจะเบาลงหน่อยแต่ยังเป็นน้ำสะอาด) หลังจากน้ำลดแนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ถังบนดินหรือเปลี่ยนจากถังปูนใต้ดินมาเป็นถังน้ำสำเร็จรูปที่ออกแบบสำหรับใต้ดินโดยเฉพาะ

11. ตรวจสอบรั้วบ้านว่ายังดูดีอยู่รึเปล่า


วิธีตรวจสอบสภาพกำแพงรั้วต้องดูด้วยตาเท่านั้น สังเกตดีๆว่ามีรอยร้าวไหม เอียงหรือทรุดตัวเป็นคลื่นบ้างไหม ถ้ามีเพียงเล็กน้อยควรหาไม้มาค้ำยันและเรียกช่างซ่อม อีกอย่างที่ต้องสังเกต ดินใต้แนวกำแพงรั้วอาจโดนน้ำชะไปจนเกิดเป็นโพรง ควรเร่งทำแนวอิฐบล็อกกันไว้แล้วอัดดินเสริมเข้าไปให้แน่น ป้องกันดินในบ้านคุณไหลออกไปซึ่งจะมีผลต่อรากฐานของรั้วได้

วิธีซ่อมมีหลายวิธี ถ้าเสาและคานปูนยังอยู่ในสภาพดี แก้โดยการทุบอิฐบล็อกและก่อใหม่เป็นจุดๆ แต่ถ้าเสียหายหลายจุดอาจจำเป็นต้องก่อใหม่ด้วยวัสดุที่เบากว่า เช่น อิฐมวลเบา หรือทำเป็นระแนงรั้วไม้หรือไม้เทียม ทั้งนี้เพื่อให้น้ำหนักเบาลง ในกรณีที่ทรุดหรือเอียงต้องรื้อทำใหม่เท่านั้น

Cr. baanlaesuan.com

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ฝ้าทีบาร์ คืออะไร ข้อควรรู้ก่อนนำไปใช้งาน

บ่อเกรอะ บ่อซึม มีลักษณะเป็นอย่างไร?

“เฟือง” มีกี่ประเภทและการใช้งานต่าง ๆ ที่ควรรู้