การจัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ
หากจะพูดเรื่องการจัดการคลังสินค้านั้น จะเป็นที่รู้กันว่าจะเกี่ยวข้องกับคลังสินค้า(Warehouse) ซึ่งคือพื้นที่ที่ได้ออกแบบและวางโครงสร้างไว้แล้ว ว่ามีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัตถุดิบ โดยคลังสินค้านั้นจะมีหน้าที่ในการเก็บสินค้าและรอเพื่อกระจายสินค้าในขั้นต่อไป
สินค้าที่เก็บในคลังสินค้านั้น แบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่
- วัตถุดิบ(Material) ซึ่งจะอยู่ในรูปวัตถุดิบ ส่วนประกอบ และชิ้นส่วนต่างๆ
- สินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้า นับรวมตั้งแต่ระหว่างการผลิต รวมถึงสินค้าที่ต้องการจะทิ้งและวัสดุที่จะนำกลับมาใช้ใหม่ด้วย
จัดการคลังสินค้าอย่างเป็นระบบ
- จัดหมวดหมู่ ทางที่ดีที่สุดควรมีการกำหนดหมวดหมู่สินค้าและวัตถุดิบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และมีการแบ่งรหัสสินค้าทุกอย่างอย่างชัดเจน จะทำให้ทั้งระบบสามารถจัดการและตรวจสอบได้ง่าย หลังจากนั้นก็ทำการกำหนดโซนสินค้าโดยคำนึงถึงปัจจัยประกอบเป็นหลัก เช่น การแบ่งสินค้าและพื้นที่การทำงานของบุคลากรออกจากกัน หรือการแบ่งสินค้านิยม ไม่นิยม การแบ่งหมวดหมู่ที่มีระเบียบจะส่งผลให้การขนส่งภายในโรงงาน ไปจนถึงนอกโรงงานสามารถทำได้ไหลลื่น ลดอุบ้ติเหตุ ทำให้การจัดการพื้นที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- กำหนดจำนวนที่เหมาะสม ไม่ว่าจะขายดีเพียงไร แต่อย่าลืมว่าการจัดการคลังสินค้ามีขีดจำกัด ฝ่ายการผลิตควรมี “ลิมิต” ในการผลิต ไม่ทำให้สินค้าล้นคลัง หรือมีการดำเนินการสร้างคลังสินค้าแยกชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบด้านการจัดการและคุณภาพก่อนส่งถึงมือลูกค้า
- กำหนดระยะเวลา ทุกอย่างที่สร้างขึ้นมาต้องมีกรอบเวลา การจัดการคลังสินค้าที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการจัดการที่พอดี (Just in Time) ที่หลังออกจากสายพาน ดำเนินการตรวจสอบ จัดส่งได้ทันทีโดยไม่มีอะไรขาดเกิน
- จัดระเบียบความปลอดภัย Safety fisrt คือหลักสากลสำหรับการจัดการที่ผู้ประกอบการทุกท่านรู้ดี การจัดการคลังสินค้าควรคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน เช่นไม่มีการจัดเรียงที่สูงเกินไป หรือวางของบางจุดแบบไร้ระเบียบ ซึ่งจะก่อให้เกิดเหตุอันตราย และในบางครั้งก็เกิดการสูญเสียมากกว่าที่คิด
- ตรวจสอบคลังสินค้าเป็นประจำ แม้ว่าจะมีระบบคอมพิวเตอร์ทำให้รับรู้สินค้าแบบเรียลไทม์ แต่ทางผู้ประกอบการเองก็ควรมีการเข้าไปประเมินสินค้าของตัวเอง รวมถึงการจัดการระบบคลังสินค้าด้วย เพราะนอกจากจะเป็นการยืนยันว่าการจัดการคลังสำคัญแล้ว ยังเป็นการตรวจสอบช่องโหว่คลังสินค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าการจัดการเป็นไปได้ราบรื่นที่สุด
วัตถุประสงค์ในการจัดการคลังสินค้า (Objective of Warehouse Management)
- ลดระยะทางในการเคลื่อนย้ายตำแหน่งสินค้าภายในคลังสินค้าให้น้อยที่สุด
- ใช้พื้นที่และปริมาตรในการจัดเก็บสินค้า ให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่าสูงสุด
- สร้างความน่าเชื่อถือในเรื่องของแรงงานคน เครื่องมือ อุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆนั้น มีเพียงพอและสอคล้องกับระดับของธุรกิจที่ได้วางแผนไว้
- เพิ่มความพึ่งพอใจในการทำงานให้แก่ผู้เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายสินค้า ทั้งการรับเข้าและเบิกออก โดยวัดจากปริมาณการจัดซื้อ และความต้องการในการจัดส่งสินค้าให้กับลูกค้าเป็นเกณฑ์
- วางแผนได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุม และรักษาระดับการใช้ทรัพยากรต่างๆ ภายใต้ต้นทุนที่เกิดประสิทธิภาพคุ้มค่าในการลงทุนตามขนาดธุรกิจ
ประโยชน์ของการจัดการคลังสินค้า (The Benefit of a Warehouse)
- ช่วยสนับสนุนการผลิต (Manufacturing Support) คลังสินค้านั้นจะทำหน้าที่ในการรวบรวมวัตถุดิบในการผลิต ชิ้นส่วน และส่วนประกอบต่างๆ จากผู้ขาย จากนั้นจึงส่งเข้าส่วนของการผลิตเป็นสินค้าต่อไป ซึ่งตรงนี้จะเป็นการลดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า
- ช่วยในการผสมผลิตภัณฑ์ (Mix Warehouse) ในกรณีที่มีการผลิตสินค้าจากโรงงานหลายแห่งและอยู่ในรูปของคลังสินค้ากลาง ตรงจุดนี้จะทำหน้าที่ในการรวบรวมสินค้าสำเร็จรูปจากโรงงานต่างๆไว้ในที่เดียวกัน จากนั้นจึงส่งมอบให้ลูกค้าตามต้องการ โดยขึ้นอยู่ว่าลูกค้าแต่ละรายต้องการสินค้าจากโรงงานใดบ้าง
- เป็นที่รวบรวมสินค้า (Consolidation Warehouse) กรณีที่ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าจำนวนมากจากโรงงานหลายแห่ง คลังสินค้านี้จะช่วยเป็นตัวรวมรวมสินค้าและจัดเป็นการขนส่งที่ขนาดเหมาะสมสูงสุดในการขนส่งแต่ละครั้ง จะเป็นการลดต้นทุนในการขนส่งลงได้
- ใช้ในการแบ่งแยกสินค้าให้มีขนาดเล็กลง (Break Bulk Warehouse) สำหรับสินค้าจากผู้ผลิตที่มีการบรรจุหีบห่อหรือเป็นพาเลตขนาดใหญ่นั้น คลังสินค้าจะช่วยในการแบ่งแยกสินค้าให้มีขนาดเล็กลง ก่อนจะนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตหรือจัดส่งไปยังลูกค้าต่อไป
Kacha จำหน่าย https://www.kachathailand.com/electric-hoist// รอกยกของ สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย สามารถนำไปเป็นเครื่องทุ่นแรงเพื่อยกของหนัก มีบริการจัดส่งสินค้าทั่วไทย พร้อมรับประกันสินค้าตลอดการขนส่ง
ที่มา prosoftgps
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น