ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

วิธีเลือก สีย้อมไม้ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน


  • 210521-Content-วิธีเลือก-สีย้อมไม้-ให้เหมาะสมกับการใช้งาน01

    ❝ เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักกับ “สีย้อมไม้” เป็นสีที่มีความสำคัญกับงานไม้ภายในบ้านของเรา ไม่ว่าจะเป็นวงกบไม้ พื้นไม้ ประตูไม้ หรือแม้แต่เฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยเฉพาะกับการทาเพื่อซ่อมแซมให้งานไม้ที่ดูเก่าดูโทรม กลับมามีสีสันสดใสเหมือนได้ของใหม่ ❞

    วันนี้ KACHA ขอพาไปดู วิธีการเลือกสีย้อมไม้ที่เหมาะสม ว่างานที่เหมาะกับสีย้อมไม้เป็นแบบไหนกันบ้าง? และสีย้อมไม้ สีทาไม้ ต่างกันอย่างไร?


    สีย้อมไม้ คืออะไร? 

    ในวงการก่อสร้างและตกแต่ง สีย้อมไม้มักจะหมายถึง สีย้อมไม้วูดสเตน (Wood Stain) ที่มีฟิล์มสีโปร่งใส (ใสและมีสี : Transparent) ใช้สำหรับทาไม้ เพื่อรักษาสภาพเนื้อไม้ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น หรือ ทาเพื่อซ่อมแซมให้งานไม้ที่ดูเก่า และทรุดโทรม กลับมามีสีสันสดใสเหมือนใหม่อีกครั้ง โดยเมื่อทาทับลงไปบนเนื้อไม้แล้ว ยังคงเห็นเนื้อไม้และลวดลายเดิมอยู่

    คุณสมบัติเด่นของสีย้อมไม้

    1. ไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ ทนทานต่อสภาพอากาศ
    2. ใช้ปกป้องพื้นผิวของไม้ให้มีความสวยงาม ยืดอายุของไม้ให้ยาวนานขึ้น
    3. กันน้ำซึมเข้าสู่เนื้อไม้ แต่ปล่อยให้น้ำระเหยออกจากเนื้อไม้ด้วย (สีทาไม้กันน้ำทั้งเข้าและออก แต่น้ำจะเข้าทางปลายไม้ ทำให้ไม้ผุอยู่ข้างในโดยสังเกตได้ยาก)
    4. สีย้อมไม้มีความยืดหยุ่น เหมาะกับเนื้อไม้ที่ไม่ว่าจะยืด หรือหดตัว สีย้อมไม้ก็สามารถแทรกซึมเข้าไปได้


    ประเภทของสีย้อมไม้ มีอะไรบ้าง?

    • สีย้อมไม้สูตรน้ำ

    เป็นสีย้อมไม้ที่ไม่ต้องผสมอะไรเพิ่มก็สามารถนำไปใช้งานได้เลย หรืออาจผสมน้ำเพิ่มเติมบ้างเล็กน้อย เมื่อทาลงไปบนงานไม้แล้ว เนื้อฟิล์มจะมีความคงทน ยึดเกาะกับไม้ได้ดี แห้งเร็ว และไม่มีกลิ่นฉุน เป็นสีที่มีความปลอดภัยสูง

    • สีย้อมไม้สูตรน้ำมัน

    โดยทั่วไปเป็นสีที่ต้องนำมาผสมกับทินเนอร์ก่อนใช้งาน ส่วนใหญ่จะผสมด้วยอัตราทินเนอร์ประมาณ 10% ต่อปริมาณสีที่ใช้  จึงเหมาะกับทั้งงานภายใน และภายนอก เนื่องจากมีความทนทานต่อแสงแดด ลม และฝนได้ดีกว่า ซึ่งสีที่ได้หลังทาทับลงบนเนื้อไม้ จะค่อนข้างตรงกับสีที่เลือกไว้ ทับเพียง 2 ครั้ง จะได้สีไม้ที่สวยตามต้องการ


    วิธีเลือกสีย้อมไม้

    การเลือกสีย้อมไม้ นอกจากเราจะเลือกความแตกต่างระหว่างสูตรน้ำ กับสูตรน้ำมันแล้ว ควรเลือกความเงาด้านของสีที่จะใช้ด้วย เพื่อเวลาทาจะได้เห็นลายไม้สวย ๆ ตามต้องการ โดยสีย้อมไม้จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

    • สีย้อมไม้แบบใส (สีย้อมไม้แบบโปร่งแสง)

    เป็นสีย้อมไม้แบบโปร่งแสง นิยมใช้ในงานไม้ที่ต้องการโชว์ความสวยงาม หรือความคลาสสิคของไม้ดั้งเดิม ผลิตจากผงสีและเรซิ่น จึงเหมาะกับการใช้ทางานไม้ที่อยู่กลางแจ้งได้ดี

    • สีย้อมไม้แบบเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งโปร่งแสง)

    เป็นสีย้อมไม้แบบกึ่งโปร่งแสง คือ ทาลงไปแล้วจะมีสีอยู่บ้าง แต่ก็ยังสามารถโชว์ความสวยงามตามธรรมชาติของลายไม้ได้อยู่ นิยมใช้ทาทั้งภายใน และภายนอก โดยเฉพาะการทาเฟอร์นิเจอไม้ จะนิยมใช้สีย้อมไม้แบบเงานี้มาก ป้องกันการซีดจาง กันน้ำ กันแดด กันความชื้นได้ดี

    • สีย้อมไม้แบบกึ่งเงา (สีย้อมไม้แบบกึ่งเงา กึ่งด้าน)

    สีย้อมไม้แบบนี้ เป็นแบบกึ่งเงา กึ่งด้าน โดยนิยมใช้ทาพวกวงกบ ผนัง ประตู-หน้าต่าง สามารถใช้ได้ทั้งภายใน และภายนอก ป้องกันแสงแดดได้ดี และมีส่วนผสมของสารกันเชื้อราผสมเข้าไปด้วย

    210521-Content-วิธีเลือกสีย้อมไม้-ให้เหมาะสมกับการใช้งาน03


    ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีย้อมไม้
     

    • การทาสีประเภทนี้ ต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ เพราะต้องทาอย่างต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นจะเห็นรอยทาบต่อ Overlap โดยต้องทารีดสีไปตามลายไม้ และหมั่นกวนสีในกระป๋องอยู่เสมอ ควรทาทั้ง 6 ด้านของชิ้นงานด้วย
    • ทาโดยไม่ต้องรองพื้นใด ๆ และห้ามใช้สีประเภทอื่นทับหน้าด้วย
    • เฉดสีที่ได้ อาจจะไม่ตรงกับใน Catalog เพราะขึ้นอยู่กับสีของเนื้อไม้ และจำนวนครั้งที่ทา หากทาซ้ำบ่อย ๆ สีก็จะเข้มขึ้นทีละน้อย
    • สีประเภทนี้หากอยู่กลางแจ้ง จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2-4 ปี สีเข้มจะมีอายุนานกว่าสีอ่อน โดยเมื่อเริ่มเห็นฟิล์มสีชั้นบนเริ่มเสื่อมสภาพ ควรทำการปรับปรุงทาซ่อมแซม โดยใช้กระดาษทรายละเอียดขัดลูบแล้วทาทับหน้าใหม่ สามารถทำเช่นนี้ได้ 2-3 ครั้ง


    สีทาไม้ คืออะไร?

    เป็นสีสำหรับเคลือบเงาทาไม้ และโลหะ เป็นสีประเภทอัลขีด เรซิ่น (Alkyd Resin Enamel) มีฟิล์มสีแบบทึบแสง (Opque) ที่จะปกปิดเนื้อไม้ และลายไม้ มีฟิล์มสีเงามัน บางยี่ห้อมีชนิดกึ่งเงาให้เลือก สีประเภทนี้โดยทั่วไปจะมีกลิ่นฉุนทั้งขณะที่ทา และทิ้งกลิ่นตกค้างอีกหลายวัน  ฟิล์มสีจะแห้งช้า ประมาณ 6-8 ชม.

    คุณสมบัติเด่นของสีทาไม้

    • เหมาะสำหรับผิวไม้ และโลหะต่าง ๆ 
    • ปกปิดพื้นผิวเดิม ใช้ได้ทั้งภายใน และภายนอก ทนทานต่อสภาพลมฟ้าอากาศได้ดีเยี่ยม
    • รักษาความเงางาม และคงความสวยสดของสีได้ยาวนาน ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำ
    210521-Content-วิธีเลือกสีย้อมไม้-ให้เหมาะสมกับการใช้งาน04


    สีทาไม้มีสูตรอะไรบ้าง?

    โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสูตรน้ำมัน แม้ว่าจะมีสูตรน้ำอยู่บ้าง ก็จะเป็น Acrylic Resin กลิ่นอ่อน แห้งเร็ว ฟิล์มสีไม่เหลืองตัวเหมือนสีทาไม้สูตรน้ำมัน

    ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีทาไม้

    • สีทาไม้สูตรน้ำมัน จะมีอาการฟิล์มสีเหลืองตัว สังเกตได้ง่ายหากเป็นสีขาว หรือสีโทนอ่อน ๆ 
    • การใช้กับงานไม้ภายนอก เมื่อถูกแดด และฝน จะมีอายุการใช้งานไม่ยาวนัก ด้วยไม้มีการยืดหดตัว และฟิล์มสีแบบทึบ ไม่สามารถยืดหดตัวตามได้
    • ก่อนทาสีทาไม้ ควรจะต้องทาสีรองพื้นไม้กันเชื้อราเสียก่อน


    ความแตกต่างระหว่าง สีย้อมไม้และสีทาไม้
     

    สีย้อมไม้สีทาไม้ 
    • สีย้อมไม้เป็นสีที่มีฟิล์มสีโปร่งใส ใสและมีสี
    • สีทาไม้เป็นสีที่มีฟิล์มสีทึบ
    • สีย้อมไม้มีประสิทธิภาพในการแทรกซึมเข้าไปในเนื้อไม้ได้ดีกว่าสีทาไม้ เพราะเมื่อไม้มีการยืด หรือหดตัว จะไม่ทำให้ฟิล์มสีเสียหา
    • สีทาไม้ฟิล์ม สีจะไม่สามารถยืดหดตัวไปตามเนื้อไม้ได้
    • สีย้อมไม้เหมาะสำหรับงานที่ต้องการโชว์ลายไม้ เพราะสามารถย้อมสีให้ใกล้เคียงสีไม้ธรรมชาติได้มากที่สุด
    • สีทาไม้สูตรน้ำมัน เป็นการลงสีเพื่อปกปิดพื้นผิวไม้


    คุณสมบัติของสีทั้ง 2 ชนิดข้างต้น ขึ้นอยู่กับว่า ความต้องการให้ไม้ที่ทาเป็นอย่างไร หากต้องการให้เห็นลายไม้ชัดเจนแบบฟิล์มสีใส โชว์ลายไม้ ก็เหมาะสมกับสีย้อมไม้ แต่หากต้องการให้ไม้มีสีสันตามต้องการ หรือต้องการปกปิดลายไม้ ให้เลือกใช้สีทาไม้ โดยสีทั้งสองชนิดนี้สามารถปกป้องเนื้อไม้ได้ทั้งคู่ แต่จะมีคุณสมบัติเด่น-ด้อย แตกต่างกันไปตามที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดนั่นเอง

    >>สามารถติดตามบทความต่าง ๆ ของ KACHA ได้ตามนี้เลย<<

     ที่มา : https://www.kachathailand.com/articles/วิธีเลือก-สีย้อมไม้-ให้เ/

    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    ฝ้าทีบาร์ คืออะไร ข้อควรรู้ก่อนนำไปใช้งาน

    บ่อเกรอะ บ่อซึม มีลักษณะเป็นอย่างไร?

    “เฟือง” มีกี่ประเภทและการใช้งานต่าง ๆ ที่ควรรู้