รู้จัก “ยางมะตอย” มีประโยชน์อย่างไร?
ยางมะตอย (Asphalt)
เป็นวัสดุที่สกัดจากน้ำมันดิบ มีสีดำ มีลักษณะเหนียว เป็นของเหลวข้นหนืด มีการเกาะยืดสูง เกิดจากผสมระหว่างสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และสารอินทรีย์อื่น ๆ นำมาใช้ในงานก่อสร้างถนน โดยใช้เป็นวัสดุผิวหน้า ซึ่งมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ ทำหน้าที่ประสานระหว่างวัสดุเติม เช่น หินและทรายให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน โดยนำมาใช้ในการเทผิวหน้าถนน จะเรียกว่า แอสฟัลต์คอนกรีต (Asphalt Concrete) หรือเรียกย่อ ๆ ว่า แอสฟัลต์ นั่นเอง
ยางมะตอย ได้มาจากขบวนการกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม โดยยางมะตอยจะเป็นส่วนของน้ำมันดิบที่หนักที่สุด และจะถูกนำไปผ่านขบวนการผลิตยางมะตอยต่อไป เพื่อให้ได้ยางมะตอยที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ตามต้องการ
การกลั่นน้ำมันดิบ คือ การย่อยสลายสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ที่เป็นส่วนประกอบของปิโตรเลียมออกเป็นกลุ่ม (Groups) หรือออกเป็นส่วน (Fractions) ต่าง ๆ โดยกระบวนการกลั่น (Distillation) ที่ยุ่งยากและซับซ้อน
| Carbon | 83 – 87% |
| Hydrogen | 10 – 14% |
| Nitrogen | 0.1 – 2% |
| Oxygen | 0.1 – 1.5% |
| Sulfur | 0.5 – 6% |
| Metals | <1000 ppm |
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ แบ่งได้ตามนี้
► น้ำมันส่วนที่เบากว่า (Lighter Fractions) เช่น น้ำมันเบนซีน (Petrol หรือ Gasoline), พาราฟิน (Paraffin หรือ Kerosene) และเบนซีน (Benzene)
► น้ำมันส่วนที่หนักกว่า (Heavier fractions) เช่น น้ำมันดีเซล (Diesel), น้ำมันหล่อลื่น (Lubricants) และน้ำมันเตา (Fuel Oils)
คุณสมบัติของยางมะตอย
ยางมะตอยได้รับความนิยมในการใช้งานอย่างกว้างขวางนั้น มีคุณสมบัติที่สำคัญ 3 ประการ คือ
👍 มีคุณสมบัติในการยึดและประสาน (Connection) ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมวัสดุต่าง ๆ ให้ติดกัน เช่น การผสมยางมะตอยกับหินย่อย เพื่อใช้ท้าผิวจราจรต่าง ๆ เป็นต้น
👍 มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำซึมผ่าน (Waterproofing) เมื่อวัสดุเคลือบด้วยยางมะตอยแล้ว โอกาสที่น้ำจะซึมผ่านจะเป็นไปได้ยาก
👍 มีคุณสมบัติที่เป็นของเหลวหรืออ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน และจะแข็งตัวเมื่อเย็นลง คุณสมบัตินี้จะทำให้สามารถนำยางมะตอยมาใช้ประโยชน์ได้ง่ายขึ้น เช่น การทำถนน เมื่อทำให้ยางมะตอยเหลวก็สามารถผสมยางมะตอยกับวัสดุต่าง ๆ ได้ดี และเมื่อลาดยางแล้วจะเย็นลงจนเกิดการแข็งตัว
ประเภทของ ยางมะตอย มีอะไรบ้าง?
ยางมะตอยสามารถแบ่งได้ 4 ประเภท ดังนี้
1) Asphalt Cement ชื่อย่อ AC ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ ในส่วนที่ข้นและหนักที่สุด ซึ่งก็จะมีหลายเกรดตามความอ่อน แข็ง มีราคาถูก ยางแอสฟัลต์ AC นั้นเป็นยางแข็ง ต้องให้ความร้อนถึงจะละลายเป็นของเหลว ใช้ทำงานถนนเท่านั้น เช่น AC 60/70
2) Asphalt Emulsion หรือยางมะตอยน้ำ คือ ยางแอสฟัลต์ที่ผลิตจากการนำยางแอสฟัลต์ มาตีให้กระจายเป็นอนุภาคเม็ดเล็ก ๆ อยู่ในน้ำให้เป็นเนื้อเดียวกัน โดยใช้สารเคมีประเภท อิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) หลังจากใช้งาน น้ำในแอสฟัลต์ อิมัลชั่น จะระเหยไป คงเหลือไว้แต่แอสฟัลต์ ให้เกาะตัวกันเป็นฟิล์มต่อเนื่อง เคลือบหุ้มวัสดุมวลรวมหรือพื้นผิวทาง ใช้ในการซ่อมถนน เช่น CSS-1 (20 – 70°C)
3) Cutback Asphalt คือ การผสมแอสฟัลต์ซีเมนต์ (Asphalt Cement) กับสารละลาย (Solvent) ให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแข็งตัวสารละลายจะระเหยไป เหลือแต่แอสฟัลต์ซีเมนต์ เช่น MC-30 (30 – 90oC), MC-70 (50 – 110°C)
ซึ่ง ยางคัตแบก ปกติจะใช้ในงานรองพื้น (Prime Coat) ก่อนที่จะลาดยาง เพื่อป้องกันการไหลซึมของน้ำลงไปในพื้นดินที่อัดไว้ก่อนหน้านี้
การแบ่ง คัตแบกแอสฟัลต์ โดยการเทียบอัตราเร็วของการระเหย สามารถแบ่งได้ 3 ชนิด ดังนี้
☛ Rapid curing (ชนิดแข็งตัวเร็ว) ชื่อย่อ RC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับตัวทำละลายที่ระเหยเร็ว (จุดเดือดต่้า) ได้แก่ น้ำมันเบนซีน หรือ Naphtha
☛ Medium curing (ชนิดแข็งตัวเร็วปานกลาง) ชื่อย่อ MC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับตัวทำละลายที่ระเหยเร็วปานกลาง ได้ Kerosene (น้ำมันก๊าซ)
☛ Slow curing (ชนิดแข็งตัวช้า) ชื่อย่อ SC ประกอบด้วยแอสฟัลต์ซีเมนต์กับน้ำมันที่ระเหยช้า หรือได้จากการกลั่นโดยตรง คัตแบกแอสฟัลต์ชนิด SC นี้ บางครั้งก็เรียกกันว่า Road Oils
4) Polymer Modified Asphalt โพลิเมอร์โมดิฟายส์แอสฟัลต์ คือ ยางแอสฟัลต์เกรดพิเศษที่ได้จากการผสม ระหว่างโพลีเมอร์ (Polymer) กับ แอสฟัลต์ซีเมนต์ (Asphalt Cement) ภายใต้กระบวนการผสมที่ดำเนินการในโรงงานผลิต โดยใช้เครื่องผสมที่ออกแบบโดยเฉพาะ สารโพลีเมอร์ที่ใช้ผสม ได้แก่ SBS (Styrene Butadiene Styrene), EVA (Ethylene Vinyl Acetate) หรือสารโพลีเมอร์อื่น ซึ่งเมื่อนำมาผสมเป็นผิวทาง แอสฟัลต์คอนกรีตชนิดผสมร้อน (Hot Mix Asphalt) จะให้คุณสมบัติที่เหนือกว่าผิวทางแอสฟัลต์คอนกรีตทั่วไป
คุณสมบัติ
☛ มีความต้านทานต่อการล้า (Fatigue Resistance) ที่ดีกว่า
☛ มีความต้านทานสูงต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างถาวร (Pavement Deformation)
☛ มีความยืดหยุ่นสูงที่อุณหภูมิต่ำมาก หรือสูงมาก
☛ มีความต้านทานต่อการบิดตัว ระหว่างวัสดุมวลรวมกับวัสดุเชื่อมประสาน
☛ มีความต้านทานต่อการหลุดลอก (Stripping Resistance) ที่ดีกว่า
☛ ไม่มีการไหลเยิ้ม (Bleeding Resistance) ของวัสดุเชื่อมประสาน






ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น